วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

เที่ยวต่อไม่รอแล้วนะ-ยุโรป(1)

Cr. ภาพคุณพิพัฒน์พงษ์

วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางเที่ยวทริปยุโรป เอาเป็นว่าก็ไม่ถึงกับประหยัดมาก แต่ก็สามารถคว้าถึงเนอะ

อันดับแรกเลย เริ่มจากการวางแผนการเดินทาง ทริปนี้ เจ้าของกระทู้ วางแผนว่าจะเดินทาง สวีเดน นอร์เวย์ ฝรั่งเศส เยอรมัน เดนมาร์ก เพื่อเดินทางไปทักทายและเยี่ยมเพื่อน ในแต่ละประเทศ(เอาง่ายๆไปหาที่นอนฟรีนั่นแหละ5555)

พอได้แผนการเดินทางคร่าวๆแล้วเราก็มายื่นเตรียมตัวยื่นวีซ่ากันเลย  หลักการยื่นวีซ่าคือประเทศเหล่านี้อยู่ในเขตเชงเก้น (Schengen)ขอวีซ่าประเทศเดียวสามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศในรายชื่อนี้  รายชื่อกลุ่มประเทศเชงเก้น

คำถามถัดมา คือแล้วเราจะขอประเทศไหนล่ะ ถ้าเราคิดจะไปหลายๆประเทศในเขตนี้
คำตอบแบบส่วนตัวเลย
1. ถ้ายื่นเอง เที่ยวเองออกเงินเอง ให้อิงตามแผนเดินทางที่คิดไว้
2. ดูจากแผนการเดินทางแล้ว ดูราคาตั๋วเครื่องบิน และราคาที่พักคร่าวๆ
3. หากไม่แคร์ทั้งสองข้อแรก ก็ตามเกณฑ์เลยครับ พำนักประเทศไหนเยอะสุดให้ยื่นขอที่ประเทศนั้น
4. หรือหากเที่ยวเท่าๆกันทุกๆประเทศ ก็ยื่นประเทศแรกที่เราไปถึงเลยครับ
นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาด้วยว่า รายละเอียดปลีกย่อยและขั้นตอนการยื่นวีซ่าของแต่ละประเทศอันไหนเหมาะสมกับเรามากที่สุด เช่น บางประเทศต้องกรอกฟอร์มออนไลน์ บางประเทศต้องนัดหมายออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อนยื่นวีซ่า ซึ่งต้องคำนึงถึงวันเดินทางและเผื่อเวลาด้วยว่าวีซ่าจะออกก่อนวันที่เราเดินทางหรือไม่

เมื่อพร้อมแล้ว ก็มาเตรียมเอกสารยื่นวีซ่ากันเลย หลักทั่วๆไปแล้ว วีซ่าแทบทุกประเทศในเขตเชงเก้นจะต้องเตรียมเอกสารคล้ายๆกัน โดยแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

 1. เอกสารส่วนตัว เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรามีถิ่นพำนักในไทยและจะกลับมาไทยแน่นอน รวมถึงเรามีสถานะไหนขณะพำนักอยู่ในไทย
    1.1 บัตรประชาชน
    1.2 ทะเบียนบ้าน
    1.3 ใบเกิด (บางกรณีต้องใช้)
    1.4 ทะเบียนสมรส ใบหย่า (ใบโสดไม่ต้องใช้นะ เพราะไปเที่ยวไม่ได้ไปหาหลัว)
   
1.5 ใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล
    1.6 เอกสารประจำตัวอื่นๆ
   สำหรับชาวต่างชาติ ที่พำนักในไทยและต้องการยื่นวีซ่าเชงเก้นในไทย ต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้
    1.7 Passport and Visa to stay in Thailand
    1.8 Re-entry Permit 

    1.9 Resident Permit Certified from Immigration
    1.10 other document (if any)
2. เอกสารแสดงถึงความมั่นคง เช่นการงานหรือการเป็นนักเรียนนักศึกษา 
    2.1 สลิปคาร์บอน หรือหนังสือรับรองงานตัวจริง ระบุตำแหน่งเงินเดือน วันเริ่มงาน และระบุวันลา
    2.2 สำหรับนักเรียน นักศึกษา หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษา ระบุระดับ/ชั้น และ ระบุวันลา
    2.3 สเตทเม้นย้อนหลัง 3-6 เดือน (บางประเทศใช้สมุดบัญชีตัวจริงด้วยนะ)
    2.4 หนังสือรับรองยอด(ขอเป็นภาษาอังกฤษมาเลยนะ)

3. หลักฐานเกี่ยวกับการเดินทาง ในครั้งนี้ เช่น
   3.1 แผนการเดินทาง ว่าเราไปเที่ยวไหนบ้าง ถ้าสามารถระบุกิจกรรมและค่าใช้จ่ายคร่าวๆได้ก็จะดี
   3.2 ใบจองโรงแรมตามเมืองหรือสถานที่ต่างๆที่ระบุในแผนการเดินทาง(จองให้สอดคล้องกันด้วยนะ)
   3.3 ใบจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
   3.4 หลักฐานการจอง กิจกรรมหรือการเดินทางต่างๆระหว่างทริป
   3.5 ประกันเดินทาง อันนี้ขาดไม่ได้เลย(สามารถเลือกซื้อได้ตามเว็บและดูรายชื่อบริษัทที่รองรองรับด้วยนะ หากไม่ทราบจะซ้ือที่ไหนก็สามารถคลิกที่ลิงค์ เพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี หรือจะซื้อก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย)ประกันเดินทาง

สำหรับขั้นตอนการยื่นวีซ่า จะมาพูดโดยละเอียดอีกครั้งครับ  คลิกอ่านคร่าวๆก่อนเนอะ แต่ตอนนี้เรามาดูการเดินทางกันก่อนครับ

สำหรับทริปนี้ ผมเลือกการเดินทางแบบต่อเครื่อง เลือกเดินทางไปกับสายการบิน Emirates ตั๋วราคาไปกลับทริปนี้ ราคา 27,000 บาท นิดๆ  แต่ก็ถือได้ว่า ไม่แพงจนเกินไป

สำหรับคนที่เป็นสมาชิกสายการบิน ก็สามารถจองผ่านแอพในมือถือเพื่อสะสมไมล์ ได้เลย และยังสามารถเช็คอิน ออนไลน์ และจัดการบุ๊คกิ้งด้วยตัวเองก่อนวันเดินทางก็สะดวก (หากไม่อยากยุ่งยาก ก็ติดต่อเราได้เลยครับให้เราช่วยเหลือเรื่องตั๋ว ได้ตลอด 24 ชม. คลิกที่ลิงค์ได้เลยครับ ติดต่อเรา)

พร้อมแล้วก็ไปเช็คอินกันเลย.....



เมื่อเดินทางด้วยการต่อเครื่องหลายคนที่ไม่เคยเดินทางโดยการต่อเครื่อง ก็อาจจะกังวล โดยเฉพาะการต่อเครื่องที่เป็นสนามบินใหญ่ๆหรือเป็นฮับทางการบินที่อาคารโดยสารแยกเป็นหลายๆอาคารและ ต้องนั่งขนส่งสาธารณะ ไป แต่อย่ากังวลครับ คิดง่ายๆถ้าเราต่อเครื่องแล้วหลง เราก็คงไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้จริงมั้ย (เพราะปากติดกับเราไปทุกที่)

หลักการง่ายคือ ถ้าเพิ่งจะเคยต่อเครื่องครั้งแรกๆ ก็ควรจะเลือกต่อเครื่องสัก 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวและเดินหาเกท

สำหรับคนที่เลือกต่อเครื่องที่ Dubai ก็อย่ากังวลครับ วันนี้มาดูกัน ครับ

เริ่มออกจากเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาตี 2.50  เดินทางกลางคืนก็ดีนะ หลับได้สนิทหน่อย


ผ่านไปสักสอง ชั่วโมง แอร์ก็ปลุกเบาๆ เรียกชื่อเราอย่างอยาก เพราะชื่อผมรวมนามสกุลแล้ว ยาวสองกิโลเมตร เอาเป็นว่าเข้าใจได้ว่า เขากำลังเรียกผม ก็เลยทวนชื่อและอาหารที่สั่งล่วงหน้าไป นางยิ้มก่อนจะเดินจากไป คนข้างๆมองหน้านิดนึง (สำหรับคนที่สั่งอาหารล่วงหน้า อาหารพิเศษ ก็จะได้รับก่อน สำหรับคนที่ยังไม่ได้ได้รับก็อย่าเพิ่งตกใจหรือโวยวาย) สำหรับไฟลท์ที่เดินทางจากกรุงเทพ ไปดูไบเขาจะมีแจกเมนูอาหารให้เราดูคร่าวๆก่อนด้วยนะครับ



ก็จะมีเมนูให้เราเลือกก่อนตัดสินใจดังนี้ ....



ผ่านไปอีกสักสองชั่วโมง ก็ใกล้จะถึงล่ะ คราวนี้ก็เสิร์ฟ อาหารเช้าอีก ....เฮ้อกำลังหลับเลย กะจะไม่กิน ตัวเองก็ดันสั่งอาหาพิเศษอีก แอร์ก็ต้องมาปลุกอีกตามเคย อ่ะกินแล้วค่อนนอนต่อแล้วกันเนอะ

เหลือเวลาอีก ไม่ถึงชั่วโมงเราก็จะถึงสนามบินดูไบแล้ว สำหรับใครที่กังวลไม่แน่ใจก็ดูรายละเอียดที่หน้าจอ ในSection information เขาจะแจ้งเตือนว่าไฟลท์ถัดไปของเราอยู่ที่เกทไหน ก็ดูก่อนไปพลางๆ ก่อนจะขึ้นรถไปที่เกท จะได้ไม่ขึ้นผิด บอกเลยขึ้นผิดชีวิตเปลี่ยน 5555



แต่มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ พอเครื่องจอดสนิท ทุกคนทยอยเดินลงจากเครื่องที่บันไดจะสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่ยืนถือป้ายเล็กๆเท่ากระดาษ A4 และคอยชี้ว่า ไฟลท์เราต้องไปขึ้นรถคันไหน ถ้าอ่านไม่ทันหรือหาไม่เจอก็ถามเลย หรือบอกชื่อเมืองที่เราจะไป เดี๋ยวเขาก็ชี้บอกว่าต้องขึ้นรถคันไหน








พอขึ้นรถเสร็จ เขาก็จะพาเราขับวนไปที่เกท ซึ่งตรงนี้เราต้องตรวจกระเป๋า อีกครั้ง
เสร็จจากการตรวจกระเป๋า แล้วเดินมาดูที่จอ โอเค ไฟล์เรายังอยู่ที่เกทเดิม ไปเดินหาเกทกันเลย


เย้...เจอแล้ว มีเวลาเหลือ ชั่วโมงกว่าๆ ให้เราได้เข้าห้องน้ำ สามารถอาบน้ำ และนอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กๆจะได้ไม่เบื่อ หรือใครชอบการซื้อของก็เดินลุยเลย หาเกทเจอแล้วนิ



สำหรับผมหรอ 1 ชั่วโมง ทำไรล่ะ  หาที่นั่งชิลล์สิครับ  ถ้าใครคิดจะดื่มเบียร์ ที่นี่ก็ไม่แพง แค่แก้วละ 45-60 เอง
แต่อย่าคิดเป็นเงินไทยนะ เพราะมันคูณ 10 คิดง่ายๆ เลย

              * ขออภัยไม่มีเจตนาประชาสัมพันธ์หรือโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เมื่อใกล้เวลาแล้วเราก็ไปกันเลย เกทเปิดแล้ว พอเช็คอินที่เกทเสร็จรอสักพักเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกขึ้นรถเพื่อไปขึ้นเครื่องอีกที

ในที่สุดเราก็มาถึงเครื่องและขึ้นประจำที่พร้อมหลับเรียบร้อย






ผ่านไปสักพักกำลังจะหลับฝัน ก็มาอีกล่ะ โหวววววว...เรียกกินข้าวอีกแล้วหรอ(รู้สึกเป็นที่รัก555) 





    
เดินทางต่อไปอีก 5 ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายประเทศปลายทาง สวีเดน สนามบินArlada Stockholm
Landing อย่างนุ่มนวลและปลอดภัย อากาศสดใสอีกต่างหาก .....





เสร็จผ่านพิธีการ ตรวจคนเข้าเมืองถามสองสามคำ แล้วก็ไปรอรับกระเป๋า แล้วเดินทางเข้าเมืองกันเลย ตอนต่อไป เดินทางเข้าเมือง ด้วยรถไฟและไปต่อนอร์เวย์

ติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 2
ติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 3

#รับทำวีซ่า
#แปลเอกสาร
#ประกันเดินทาง
#จองตั๋วท่องเที่ยวยุโรป
สอบถามรายละเอียด คลิก เพื่อส่งข้อความหาผู้เชี่ยวชาญได้เลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น