วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561

เพราะสวรรค์ฉันก็เคยไป ตอน 3 เที่ยวซาปา (ต่อ)

เอาล่ะครับ หลังจากที่หายไปนานเนื่องจากงานยุ่งมากมายก่ายกอง วันนี้จะมาเล่าต่อถึงประสบการณ์เที่ยวซาปา จังหวัดหล่าวกาย เวียดนามเหนือ

หลังจากที่หลับได้ซักพัก และรับกระเป๋าจากรถทัวร์ที่เรานั่งมาแล้วก็เดินทางเลย  เดินเท้าประมาณ 1 กิโล ก็ถึงโรงแรมที่จองไว้ ระหว่างทางที่เดินไปโรงแรมก็ไม่ลืมมองดูว่าที่นี่ มีอะไรน่ากิน ตรงไหนน่านั่ง ตรงไหนน่าเดิน ไปพลางๆด้วย



เช้านี้บรรยากาศก็จะเย็นๆหน่อย 5 องศา เดินสบายๆมือไม้ แข็งไปหมด  หลังจากเดินสักประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงแรมที่จองไว้ โรงแรมที่นี่เช็คอิน 8 โมง เช็คเอาท์ อีกที 9 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น(เป็นแค่บางโรงแรมนะ)

พอเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว เราก็พักทานอาหารเช้าเอาแรงที่โรงแรมก่อนออกเดินทางไปยังจุดหมายหลักของ ทริปนี้  "ยอดเขาฟานสีปัน"  อาหารเช้าส่วนมากก็จะเป็นขนมปัง ไข่ดาว ฮอทดอก หรือไม่ก็เฝ๋อ ให้เราสั่งทาน 

พอรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มมองหารถแท็กซี่ เพื่อขึ้นไปยังจุดหมายของเรา ซึ่งระยะทางอยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 5 กิโลเมตร ค่าแท็กซี่แบบเหมา คนละ 100,000 VND  ระหว่างทาง สวยงามมากๆ 




และแล้วเราก็มาถึง บริเวณทางขึ้นยอดเขาฟานสีปัน ซึ่งจากจุดนี้เราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปอีก แต่ขอเดินเที่ยวบริเวณนี้ก่อนนะ ไหนๆก็มีเวลาทั้งวันล่ะ  ณ จุดนี้ก็จะมีสถานที่ให้ถ่ายรูปมากมาย แต่ตอนที่เรามาเช้าไปหน่อยอากาศชื้นเมฆคลุมไปหมด












เมื่อถ่ายรูปจนสาแก่ใจแล้ว ก็ไปต่อกันเลย  เข้าคิวซื้อบัตร เพื่อขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขาฟานสีปัน ที่เราตั้งใจหอบสังขารอันไม่เที่ยง ข้ามน้ำข้ามทะเลมา ไปกันเล้ยยยยยย










นั่งมาสัก 20 นาที ก็ถึงสถานีปลายทาง แต่ยังไม่ถึงยอดเขาที่ว่านะ เราต้องเดินเท้าขึ้นไปอีก ต้องใช้กำลังอีกเยอะ ฉนั้นใครจะมา ขอให้ฟิตร่างกายให้พร้อมด้วยนะ  พอถึงสถานีจอดกระเช้าตรงนี้ ก็จะมีร้านอาหารและร้านขายของต่างๆ แต่เรายังไม่สนใจ เดี๋ยวขาลงแล้วกัน ที่บริเวณนี้จะสังเกตุว่าเห็นทุกคนกินไอศครีม เอ๊ะ...แปลกอากาศหนาวมาก 2 องศา ทำไมยังกินไอติม สงสัยจะบ้า แต่เราก็ยังไม่สนใจเพราะตื่นเต้นกับการถ่ายรูป ณ บริเวณลานกว้างที่มองเห็นเมฆอยู่ด้านหลัง





พอสาแก่ใจแล้วเราก็มาเริ่มเดินกันเลย....
เริ่มจากตรงนี้

แล้วเดินไปอีกสัก 20 นาที ทำไมขามันเริ่มตึงๆ บันไดก็เริ่มจะชันขึ้นเรื่อยๆ เอ๊ะ....หรือเราเหนื่อย ไม่นะ เราฟิตจะตาย(แอบเข้าข้างตัวเอง)



พักตรงนี้ก่อนนะ เพิ่งจะเดินมาได้ เศษ 1ส่วน 4 ของระยะทางที่จะไป ไหวป่ะ...
ได้ยินเสียงกระซิบตอบกลับมาเบาๆว่า.... ยังไหว

งั้นก็ไปต่อดิ รออะไร...

จุดหมายอยู่โน่นนนนน ตรงที่เห็นยอดธงแดงๆโน่น......
แอบถามใจเบาๆอีกที ว่าไหวมั้ย???
แล้วก็ได้คำตอบกลับมาเบาๆ ว่า ......ยังไหว
งั้นก็ไปต่อกันเลย ก่อนที่จะไม่ไหว ณ จุดนี้ เพิ่งจะมาได้แค่ 2 ส่วน 4 ของระยะทางแล้ว เรียกได้ว่าครึ่งทางแล้ว สู้!!!!!!!







และแแล้วก็มาถึงอีกที่นึง ผ่านไป 20 กว่านาทีแล้ว ขาเริ่มสั่น...








มองย้อนไปอีกที โอ้ฉันมาไกลขนานี้เลยหรอ
แต่เป้าหมายข้างหน้า ยังอีกยาวไกลมาก...
มาได้ตั้ง ไกลก็ต้องไปต่อสิ.....ลุยยยยยยย




เริ่มไม่ไหวล่ะขอพักหาอะไรกินหน่อยจะได้พักไปด้วย ณ วินาทีนี้ เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนแถวนี้จึงกินไอติม ในขณะที่อุณภูมิ 2 องศา
อีกไม่ถึงร้อยเมตร แต่ทำไมมันเหมือนไกลมากกว่าที่เดินมาทั้งหมดเลย ...













คนอื่นมาถึง ฉันก็มาถึงเหมือนกัน
#FANSIPAN
มองย้อนไปอีกที มีคำถามกลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่คำถามที่ว่า "เรามาถึงได้ยังไง" แต่มันคือคำถามแบบต้องการคำตอบว่า
"เราจะลงไปยังไง??????"


                                                        #ให้ภาพบรรยาย ความรู้สึกตอนนี้ 

ถึงแม้ว่าจะไปมาตั้งแต่หลายเดือนแล้ว แต่ตอนที่นั่งเขียนเนี่ย ขายังสั่นอยู่เลย ไม่ใช่เพราะนึกถึงบรรยากาศหรือเพราะอินมากไปหรอกนะ แต่เป็นเพราะ "นั่งทับขาตัวเองตะคริวกิน"

วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ อย่าถามว่าลงจากจุดนี้ยังไง....
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ
ตอนหน้าจะพาเที่ยว SAPA LAKE  และในเมืองซาปา ก่อนกลับไปฮานอย
ติดตามด้วยนะ
ไม่ได้อยากได้ยอดไลค์ ยอดแชร์ ขอแค่สิ่งที่เขียนบ้าๆบอๆจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการข้อมูล
อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมคลิกลิงค์ด้านล่างเลยครับ ตอบได้ทุกเรื่อง บนเตียงใต้เตียง อ่ะ เริ่มไม่ใช่ล่ะ 5555+
สอบถาม หรือขอรับคำปรึกษา ฟรี คลิกตรงนี้โลดเด้อ